นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัท เอเอจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “บริษัทฯ” ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อความเป็นส่วนตัวของท่านและบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดบริษัทฯจึงจัดทำนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ฉบับนี้ขึ้น เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 รวมถึงกฎหมายฉบับแก้ไขเพิ่มเติมใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

เกี่ยวกับบริษัท

AAG Corporation Co., Ltd, (AAGC) หนึ่งในผู้นำของอาเซียนในด้านการออกแบบ ผลิต และติดตั้งกรอบอาคาร (Facade)ที่มีประสิทธิภาพสูง ครอบคลุมตั้งแต่ระบบผนังม่าน ฝ้าหน้าต่างและประตู (หน้าต่างเจาะ, หน้าต่างบานเลื่อน, ประตูบานเลื่อน, ประตูไร้กรอบ, ประตูพับ และประตูอัตโนมัติ) AAGC มีเป้าหมายเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ความกังวลในประเด็นต่างๆ เช่น การประหยัดพลังงาน คุณค่าด้านสุนทรียภาพ ประสิทธิภาพด้านเสียง และอื่นๆ จะถูกนำมาใช้อย่างมืออาชีพ โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัย

บททั่วไป

นโยบายฉบับบนี้อธิบายให้ท่านทราบถึงวิธีการที่บริษัทบริหารจัดการข้อมูลที่สามารถระบุตัวตนของท่านได้ ทั้งทางตรงและทางอ้อม ตามกฎกมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด กล่าวคือ การดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล เช่น การเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย (เรียกรวมกันว่า “การประมวลผลข้อมูล”) และเพื่อแจ้งให้ท่านทราบถึงวัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูล ระยะเวลาการจัดเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล ตลอดจนสิทธิของท่านในฐานะ”เจ้าของข้อมูล”ส่วนบุคคล เพื่อให้ท่านสามารถรับทราบรายละเอียดดังกล่าวได้อย่างครบถ้วนตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด บริษัทฯ แนะนำให้ท่านอ่านและทำความเข้าใจถึงข้อกำหนดต่างๆ ภายใต้นโยบายฉบับนี้ อย่างละเอียด

ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯเก็บรวบรวม

ในการเก็บรวบรวม และเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลบริษัทฯ จะใช้วิธีการที่ชอบด้วยกฎหมายและจำกัดเพียงเท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์การดำเนินงานของบริษัทฯ อันประกอบด้วย
1. ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ-นามสกุล, อายุ, วันเกิด, เลขประจำตัวประชาชน, เลขที่หนังสือเดินทาง, ลายมือชื่อ, สำเนาบัตรประชาชน ,ภาพบนบัตรประจำตัวประชาชน ,หนังสือเดินทาง ,ใบอนุญาตขับขี่ ข้อมูลการยืนยันตัวตน, ภาพถ่าย ,หมายเลขอื่นๆ ที่ทางราชการออกให้ รวมถึงข้อมูลส่วนตัวที่ปรากฏอยู่บนเอกสารที่ราชการออกให้เพื่อใช้ในการยืนยันตัวตน เอกสารนิติบุคคลที่ออกให้โดยราชการ(กรณีลูกค้า/คู่ค้าเป็นนิติบุคคล) หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี ,ภพ20 ,หนังสือรับรองบริษัท เป็นต้น
2. ข้อมูลสำหรับติดต่อ เช่น ที่อยู่ตามบัตรประชาชน, ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน ,ที่อยู่ที่สามารถติดต่อได้ ,หมายเลขโทรศัพท์, โทรสาร ,บัญชีสื่อสังคมออนไลน์ , ID Line เป็นต้น
3. ข้อมูลทางการเงิน เช่น หมายเลขบัญชีธนาคาร ,ข้อมูลบัญชีธนาคาร, สำเนาสมุดบัญชี, ที่อยู่สำหรับการเรียกเก็บเงิน ,ข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฏในใบแจ้งหนี้ ใบกำกับภาษี ใบเสร็จรับเงิน และรายละเอียด หรือ ข้อมูลเกี่ยวกับการชำระเงินค่าสินค้า หรือ บริการอื่นๆ ,การซื้อขาย เป็นต้น
4. ข้อมูลที่ใช้ประกอบเป็นหลักฐานในการทำธุรกรรมต่างๆ เช่น ข้อมูลที่ปรากฏในสำเนาบัตรประชาชน สำเนาหนังสือเดินทาง สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาใบเปลี่ยนชื่อนามสกุล บัตรประจำตัวข้าราชการ บัตรประจำตัวพนักงานรัฐวิสาหกิจ สำเนาใบอนุญาตขับรถยนต์ สำเนาใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ สำเนาใบสำคัญการสมรส สำเนาสมุดบัญชีธนาคาร ใบรับพรองแพทย์ สำเนาบัตรพนักงาน หนังสือรับรองการเป็นพนักงาน สำเนาใบอนุญาตประกอบวิชาชีพต่างๆ สำเนาใบประกาศนียบัตรเข้าอบรมต่างๆ สำเนาหนังสือรับรองบริษัท สำเนาใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม สำเนาสิทธิบัตร สำเนาหนังสือแต่งตั้งตัวแทนจำหน่าย สำเนาทะเบียนพานิชย์ สำเนาใบอนุญาตทำงาน หนังสือมอบอำนาจ Resume /CV และสัญญาบริการหรือสัญญาอื่นใดที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น
5. ข้อมูลที่ใช้ประกอบการดำเนินการทางนิติบุคล หรือ ดำเนินการแทน เช่น ข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฏในหนังสือรับรองบริษัท บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น เอกสารเกี่ยวกับนิติบุคคลอื่นๆ ที่มีข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือ ข้อมูลอื่นใดที่บริษัทร้องขอจากนิติบุคคลของท่า หรือ จากท่าน เพื่อใช้ประกอบการทำสัญญา การให้บริการ หรือการดำเนินการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเป็นต้น
6. ข้อมูลที่ได้จากระบบอัตโนมัติหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น หมายเลข IP Address, Cookie, พฤติกรรมการใช้บริการ, ประวัติการใช้บริการ, เสียง, ภาพถ่าย, ภาพเคลื่อนไหว, ชื่อบัญชี Social Media, Chat, Geolocation, ID Username
7. ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว
1.1 ข้อมูลศาสนา
1.2 ข้อมูลอาชญกรรม
1.3 ข้อมูลสุขภาพ

บุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูล

กำหนดการบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของที่ปรึกษาบริษัท ผู้ถือหุ้น คู่ค้าทางธุรกิจของบริษัทที่ดำเนินการซื้อ ขาย จ้าง ผลิตสินค้า จัดหาสินค้า นำเสนอสินค้าและบริการให้แก่บริษัท หรือ รับบริการ หรือ ให้บริการแก่บริษัท หรือ มีความสัมพันธ์ในลักษณะอื่นใดที่มีความคล้ายคลึงกันกับบริษัท อาจมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับท่าน หรือ นิติบุคคลที่ท่านกระทำการแทน ในการการเป็นที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญ ผู้รับบริการ ผู้ให้บริการ ตัวแทนจัดซื้อ จัดจ้าง หรือมีการติดต่อสื่อสารทางธุรกิจใดๆ กับบริษัท เป็นต้น

แหล่งที่มาของข้อมูล

บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านผ่านช่องทางต่างๆ ดังต่อไปนี้
1. ข้อมูลจากเจ้าของข้อมูลโดยตรง ที่ท่านได้ให้ไว้ในกิจกรรมต่างๆ เช่น การลงนามในสัญญาที่ทำไว้กับบริษัท หรือจัดทำข้อตกลงงานบริการ จัดซื้อ จัดจ้าง การกรอกข้อมูลส่วนบุคคลของท่านลงใน แบบฟอร์มไม่ว่าจะเป็นรูปแบบเอกสาร ผ่านเว็บไซต์ แอปพลิเคชั่น หรือ ช่องทางใดๆ
2. ข้อมูลจากแหล่งอื่น เช่น นายจ้าง หรือ ตัวแทนของท่านส่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบริษัท ข้อมูลจากหน่วยงานพันธมิตร หรือบริษัทในเครือ ตลอดจนข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ๆ ที่ผู้ใช้บริการได้มอบไว้ให้ข้อมูลสาธารณะ เช่น ข้อมูลที่ค้นหาได้ทางอินเตอร์เน็ต หรือ บนสื่อสังคมออนไลน์
3. การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยอัตโนมัติ เมื่อท่านเข้าชมหรือใช้บริการเว็บไซต์ หรือ บริการออนไลน์ต่างๆ ที่มีคุกกี้ หรือเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกัน หรือ สื่อสังคมออนไลน์ (โปรดดูนโยบายการใช้คุกกี้)

วัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ อาจนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ตามวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้หรือตามวัตถุประสงค์อื่นๆ ที่แจ้งขณะเก็บรวบรวมข้อมูลหรือที่ท่านได้ให้ความยินยอมหลังจากบริษัทฯดำเนินการเก็บข้อมูลไปแล้ว
1. เพื่อการเข้าทำสัญญากับท่าน หรือ นิติบุคคลที่ท่านกระทำการแทน และ/หรือ เพื่อการปฏิบัติตามสิทธิหน้าที่ที่มีต่อสัญญา ที่บริษัทเข้ากระทำ หรือ นิติบุคคลที่ท่านกระทำการแทน
2. เพื่อการตรวจสอบและยืนยันตัวตนของท่านหรือนิติบุคคลที่ท่านกระทำการแทน
3. เพื่อตรวจสอบประวัติก่อนและระหว่างเข้าทำสัญญากับท่าน หรือ นิติบุคคลที่ท่านกระทำการแทน
4. เพื่อจัดซื้อ จัดจ้าง จัดส่งสินค้าและซื้อสินค้าและบริการจากท่าน หรือนิติบุคคลที่ท่านกระทำการแทน รวมถึงการบริหารจัดการคัดเลือกคู่ค้า การยื่นซองเสนองาน การยื่นหลักประกันซองเสนองาน การตรวจสอบข้อมูลและคุณสมบัติ และการดำเนินการตามนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างของบริษัทและกระบวนการอื่นใดที่คล้ายคลึงกัน
5. เพื่อใช้ในการดำเนินการทดสอบประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์
6. เพื่อจัดทำและบริหารจัดการคำสั่งซื้อ ข้อตกลง หรือ สัญญาระหว่างบริษัทกับท่าน หรือนิติบุคคลที่ท่านกระทำการแทน ซึ่งรวมถึงการชำระค่าสินค้า ค่าบริการและค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้กับท่านตามคำสั่งซื้อ ข้อตกลง หรือสัญญาระหว่างบริษัทกับท่าน หรือนิติบุคคลที่ท่านกระทำการแทน
7. ใช้ในการดำเนินกิจการ ประเมินผล และปรับปรุงธุรกิจ เพื่อพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการ
8. ดำเนินกิจกรรมใด ๆ ทางบัญชีและการเงิน เช่น การตรวจสอบบัญชี การแจ้งและเรียกเก็บหนี้ การออกใบกำกับภาษี และหลักฐานการดำเนินธุรกรรมต่าง ๆ ที่กฎหมายกำหนด
9. เพื่อการปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับภายในของบริษัทประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ เช่น การบันทึกเสียง, การบันทึกภาพผ่านกล้อง CCTV
10. ใช้ในการสอบสวนและปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อบังคับ หรือหน้าที่ตามกฎหมายของ บริษัทฯ
11. ตอบสนองต่อคำขอของท่าน เช่น การให้บริการหลังการขาย การรับเรื่องร้องเรียน

การส่งต่อและเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

1. บริษัทฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ภายใต้วัตถุประสงค์ตามที่ระบุในนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้และตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ให้แก่บุคคลและหน่วยงานดังต่อไปนี้
1.1 ผู้บริหาร กรรมการ พนักงาน ลูกจ้าง และหรือบุคลากรภายในบริษัท เท่าที่เกี่ยวข้องและมีความจำเป็นเพื่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
1.2 ที่ปรึกษาของบริษัท เช่น ผู้ตรวจสอบบัญชี ที่ปรึกษากฎหมาย ทนายความ และผู้เชี่ยวชาญด้านอื่นๆ ทั้งภายในและภายนอกบริษัท เอเอจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด เป็นต้น
1.3 พันธมิตร คู่ค้าทางธุรกิจของบริษัทที่ดำเนินการซื้อ ขาย จ้าง ผลิตสินค้า จัดหาสินค้า นำเสนอสินค้าและบริการให้แก่บริษัท หรือ รับบริการ หรือ ให้บริการแก่บริษัท เช่น บริการวิเคราะห์ข้อมูล บริการการเดินทาง บริการทางการตลาด หรือ บริการอื่นใดที่เป็นประโยชน์แก่ท่าน หรือ มีความสัมพันธ์ในลักษณะอื่นใดที่มีความคล้ายคลึงกันกับบริษัท อาจมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับท่าน หรือ นิติบุคคลที่ท่านกระทำการแทน ในการการเป็นที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญ ผู้รับบริการ ผู้ให้บริการ ตัวแทนจัดซื้อ จัดจ้าง หรือมีการติดต่อสื่อสารทางธุรกิจใดๆ กับบริษัท เป็นต้น
1.4 หน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่กำกับดูแลตามกฎหมาย หรือ ร้องขอให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย หรือ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทางกฎหมาย หรือที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธรณะสุข กรมสรรพากร กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงอุตสาหกรรมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สำนักงานเขต สำนักงานที่ดิน ศาล องค์การบริหารงานส่วนตำบล สำนักการโยธา สำนักงานที่ดิน กรมการปกครอง เป็นต้น
1.5 หน้าเว็บไซต์ แอปพลิเคชั่น หรือ สื่อสังคมออนไลน์ของบริษัท
1.6 บุคคล หรือ หน่วยงานอื่นใดที่ท่านให้ความยินยอมในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
2 การถ่ายโอนหรือส่งต่อข้อมูลไปยังต่างประเทศ บริษัทฯ อาจจะส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ โดยจะทำให้แน่ใจว่าประเทศปลายทางหรือหน่วยงานปลายทางมีมาตรฐานและ/หรือนโยบายในการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวที่เพียงพอ
3 การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลอื่น บริษัทจะดำเนินการภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนด หรือ วัตถุประสงค์อื่นที่กฎหมายกำหนดให้กระทำเท่านั้น หรือ เมื่อได้รับความยินยอมจากท่านก่อนเท่านั้น

การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ ได้จัดทำและ/หรือเลือกใช้ระบบการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลให้มีกลไกและเทคนิคที่เหมาะสม พร้อมทั้งมีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากพนักงาน ลูกจ้าง และตัวแทนของบริษัทฯ เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกนำไปใช้ เปิดเผย ทำลาย หรือเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต

ระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูล

บริษัทฯ จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตลอดระยะเวลาตราบเท่าที่จำเป็น เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้นๆ หรือปัจจัยอื่นๆ เช่น
1. ตามสัญญาธุรกรรมที่ได้เซ็นไว้ หรือ กิจกรรม หรือ นโยบายทางธุรกิจที่ได้เซ็นไว้และมีความเกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละประเภท
2. ระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนด
3. อายุความตามกฎหมายสำหรับการดำเนินคดีฟ้องร้องต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้น หรือ เกิดจาก หรือเกี่ยวข้องกับเอกสารข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมแต่ละรายการ

สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านสามารถขอใช้สิทธิต่างๆ ตามที่กฎหมายกำหนด และตามที่ระบุไว้ในประกาศฉบับนี้ได้ดังต่อไปนี้
1. สิทธิในการขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคล ตามกฎหมายที่ว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
2. สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลดังกล่าวให้เป็นปัจจุบันและถูกต้อง ครบถ้วน เป็นปัจจุบัน ตามกฎหมายที่ว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
3. สิทธิในการขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมถึงมีสิทธิ์ขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลรายอื่นหรือตัวท่านเอง เว้นแต่โดยสภาพไม่สามารถทำได้ ในกรณีที่บริษัทฯได้ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ ตามกฎหมายที่ว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
4. สิทธิในการขอลบหรือทำลายหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ เมื่อข้อมูลนั้นหมดความจำเป็นหรือเมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลถอนความยินยอม ตามกฎหมายที่ว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
5. สิทธิในการขอระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีเมื่อเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องลบหรือเมื่อข้อมูลดังกล่าวหมดความจำเป็น ตามกฎหมายที่ว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
6. สิทธิในการถอนความยินยอม ในการประมวลผลข้อมูลที่ผู้ใช้บริการเคยให้ไว้ ตามกฎหมายที่ว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
7. สิทธิในการขอคัดค้าน เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลเมื่อใดก็ได้ ตามกฎหมายที่ว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
8. สิทธิการยื่นขอร้องเรียน ในกรณีที่มีเหตุให้เชื่อได้ว่าบริษัทฯได้กระทำฝ่าฝืนกฎหมายที่ว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิยื่นข้อร้องเรียนต่อ คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ตามระเบียบและวิธีการตามกฎหมายที่ว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
หากท่านมีข้อสงสัยหรือมีความประสงค์จะแก้ไข ลบข้อมูล ใช้สิทธิ หรือติดต่อเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับข้อมูลของท่าน กรุณาติดต่อผ่านช่องทางการติดต่อด้านล่าง

ช่องทางการติดต่อ

เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัท เอเอจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด
8/9 หมู่ 8 ต.คลองขวาง อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี โทร 025971147
E-mail : DPO@aagc.co.th

การแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัว

บริษัทฯอาจแก้ไขเพิ่มเติมนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้เพื่อให้สอดคลองกับการเปลี่ยนแปลงใดๆที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ กฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกำหนด โดยจะประกาศบนเว็บไซต์ http://www.aagc.co.th พร้อมระบุวันที่แก้ไขเพิ่มเติมครั้งล่าสุด บริษัทฯแนะนำให้ท่านตรวจสอบนโยบายนี้เป็นครั้งคราว

ประกาศนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (บุคลากรภายในองค์กร)

บริษัท เอเอจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “บริษัทฯ” ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อความเป็นส่วนตัวของท่านและบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดบริษัทฯจึงจัดทำนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ฉบับนี้ขึ้น เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 รวมถึงกฎหมายฉบับแก้ไขเพิ่มเติมใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

บททั่วไป

นโยบายฉบับบนี้อธิบายให้ท่านทราบถึงวิธีการที่บริษัทบริหารจัดการข้อมูลที่สามารถระบุตัวตนของท่านได้ ทั้งทางตรงและทางอ้อม ตามกฎกมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด กล่าวคือ การดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล เช่น การเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย (เรียกรวมกันว่า “การประมวลผลข้อมูล”) และเพื่อแจ้งให้ท่านทราบถึงวัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูล ระยะเวลาการจัดเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล ตลอดจนสิทธิของท่านในฐานะ”เจ้าของข้อมูล”ส่วนบุคคล เพื่อให้ท่านสามารถรับทราบรายละเอียดดังกล่าวได้อย่างครบถ้วนตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด บริษัทฯ แนะนำให้ท่านอ่านและทำความเข้าใจถึงข้อกำหนดต่างๆ ภายใต้นโยบายฉบับนี้ อย่างละเอียด

ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯเก็บรวบรวม

ในการเก็บรวบรวม และเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลบริษัทฯ จะใช้วิธีการที่ชอบด้วยกฎหมายและจำกัดเพียงเท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์การดำเนินงานของบริษัทฯ อันประกอบด้วย

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล(สำหรับบุคลากรภายในบริษัท)

บริษัท เอเอจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “บริษัทฯ” ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงาน พนักงาน ลูกจ้างหรือผู้รับจ้างของบริษัทฯ (เรียกรวมกันว่า “พนักงาน” หรือ “เจ้าของข้อมูล”)ไม่ว่าจะเป็นการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย (เรียกรวมกันว่า “การประมวลผลข้อมูล”) เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 จึงออกประกาศฉบับนี้ขึ้น เพื่อแจ้งข้อมูลให้แก่พนักงานทราบเกี่ยวกับ สิทธิและหน้าที่ ตลอดจนเงื่อนไขต่าง ๆ ในการเก็บ รวมรวบ ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ดังนี้
“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ
“ข้อมูลที่มีความอ่อนไหว” หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ เช่น ข้อมูลจำลองใบหน้า ข้อมูลจำลองม่านตา หรือข้อมูลจำลองลายนิ้วมือ

ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯเก็บรวบรวม

ในการเก็บรวบรวม และเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลบริษัทฯ จะใช้วิธีการที่ชอบด้วยกฎหมายและจำกัดเพียงเท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์การดำเนินงานของบริษัทฯ อันประกอบด้วย
1. ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ-นามสกุล, อายุ, วันเกิด, เพศ, อายุ, วุฒิการศึกษา, สถานภาพสมรส, สัญชาติ ,เลขประจำตัวประชาชน, เลขที่หนังสือเดินทาง, ลายมือชื่อ, สำเนาบัตรประชาชน ,ภาพบนบัตรประจำตัวประชาชน ,หนังสือเดินทาง ,ใบอนุญาตขับขี่ ,ข้อมูลการยืนยันตัวตน, ภาพถ่าย ,หมายเลขอื่นๆ ที่ทางราชการออกให้ รวมถึงข้อมูลส่วนตัวที่ปรากฏอยู่บนเอกสารที่ราชการออกให้เพื่อใช้ในการยืนยันตัวตน, ประวัติการทำงาน, ตำแหน่งหน้าที่ทางการงาน, ลายมือชื่อ, รูปถ่าย เป็นต้น
2. ข้อมูลสำหรับการติดต่อ เช่น ที่อยู่, หมายเลขโทรศัพท์, บัญชีสื่อสังคมออนไลน์ ,ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน ,ที่อยู่ตามบัตรประชาชน และข้อมูลที่สามารถติดต่อได้ , โทรสาร เป็นต้น
3. ข้อมูลเอกสารทางราชการ เช่น สำเนาบัตรประชาชน, สำเนาบัตรประจำตัวคนพิการ, สำเนาหนังสือเดินทาง(พนักงานต่างด้าว/ต่างชาติ) เป็นต้น
4. ข้อมูลทางการเงิน เช่น เลขบัญชีเงินธนาคาร, สำเนาหน้าบัญชีธนาคาร, รายได้ เป็นต้น
5. ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่สามที่เกี่ยวข้อง และหรือติดต่อกรณีฉุกเฉิน เช่น คู่สมรส บุตร บิดา/มารดา พี่/น้อง และบุคคลอื่นๆ ที่สามารถติดต่อได้ เป็นต้น
6. ข้อมูลที่ได้รับจากระบบของบริษัทฯหรือจากการเป็นพนักงาน เช่น รหัสพนักงาน ,หมายเลขใบอนุญาตเข้าทำงาน, เวลาในการเข้า-ออกพื้นที่เพื่อทำงาน ,พฤติกรรมและสถิติการทำงานตามระบบ Personal DATA ,ภาพถ่าย ,ภาพเคลื่อนไหว ,ภาพและเสียงจากกล้องวงจรปิด, Geolocation, ชื่อบัญชี Social Media, Chat ,ใบรับรองการผ่านการอบรม ,ผลการประเมิน(Data Performance) ,ผลตรวจสุขภาพและอุณหภูมิของร่างกาย เป็นต้น
7. ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว
1.1 ข้อมูลศาสนา
1.2 ข้อมูลอาชญกรรม
1.3 ข้อมูลสุขภาพ
โดยบริษัทฯ จะดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อน ยกเว้นในกรณีดังต่อไปนี้
1. เพื่อปฏิบัติตามสัญญา กรณีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อความจำเป็นต่อการให้บริการหรือปฏิบัติตามสัญญาระหว่างเจ้าของข้อมูลและบริษัทฯ
2. เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพ
3. เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย
4. เพื่อผลประโยชน์อันชอบโดยกฎหมายของบริษัทฯ กรณีมีความจำเป็นเพื่อประโยชน์อันชอบธรรมในการดำเนินงานของบริษัทฯ โดยบริษัทฯ จะพิจารณาถึงสิทธิของเจ้าของข้อมูลเป็นสำคัญ เช่น เพื่อป้องกันการฉ้อโกง การรักษาความปลอดภัยในระบบเครือข่าย การปกป้องสิทธิเสรีภาพ และประโยชน์ของเจ้าของข้อมูลเป็นต้น
5. เพื่อการศึกษาวิจัยหรือสถิติ กรณีที่มีการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุเพื่อประโยชน์สาธารณะหรือที่เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติซึ่งได้จัดให้มีมาตรการปกป้องที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิ และเสรีภาพของเจ้าของข้อมูล
6. เพื่อปฏิบัติภารกิจของรัฐ กรณีมีความจำเป็นต่อการปฏิบัติตามภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือการปฏิบัติหน้าที่ตามอำนาจรัฐที่ บริษัทฯ ได้รับมอบหมาย

ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว

บริษัทฯอาจจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลที่มีความอ่อนไหว เช่น ศาสนา เชื้อชาติ ข้อมูลชีวภาพ(ลายนิ้วมือ) ข้อมูลความพิการ ข้อมูลทางการแพทย์ โดยบริษัทฯจะทำการขอคำยินยอมจากพนักงานทุกครั้งในการเก็บรวบรวม ใช้และ/หรือเปิดเผยเว้นแต่
1. เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล
2. เป็นข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะด้วยความยินยอมโดยชัดแจ้งของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
3. เป็นการจำเป็นในการปฏิบัติตามกฎหมายเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เกี่ยวกับ
3.1 เวชศาสตร์ป้องกันหรืออาชีวเวชศาสตร์ การประเมินความสามารถในการทำงานของลูกจ้าง การวินิจฉัยโรคทางการแพทย์ การให้บริการด้านสุขภาพหรือด้านสังคม การรักษาทางการแพทย์ การจัดการด้านสุขภาพ หรือระบบการให้บริการด้านสังคมสงเคราะห์
3.2 ประโยชน์ด้านการสาธารณะสุข เช่น การป้องกันด้านสุขภาพจากโรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาด
3.3 การคุ้มครองแรงงาน การประกันสังคม หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลของผู้มีสิทธิตามกฎหมาย การคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ หรือการคุ้มครองทางสังคม
3.4 การศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ หรือประโยชน์สาธารณะอื่น
3.5 ประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ

วัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

การประมวลผลข้อมูลที่ระบุไว้ภายใต้ประกาศฉบับนี้ ถือเป็นการดำเนินการที่ บริษัทฯ จำเป็นต้องดำเนินการในฐานะนายจ้าง โดยมีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
1. เพื่อปฏิบัติตามสัญญาจ้างในฐานะนายจ้าง
2. เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองแรงงานและการประกันสังคม
3. เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายที่บริษัทฯมีหน้าที่ตามกฎหมาย เช่น การชำระภาษี และหน้าที่ตามกฎหมายอื่น ๆ
4. เพื่อการประเมินผลทักษะและความสามารถในการทำงาน
5. เพื่อใช้ในการติดต่อประสานงานในการทำงาน
6. เพื่อจ่ายค่าตอบแทน สวัสดิการผลประโยชน์ต่าง ๆ ในการจ้างงาน
7. เพื่อใช้ในการอนุมัติ มอบอำนาจ หรือกระบวนการต่าง ๆ ในการทำงาน
8. เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติและความเหมาะสมในตำแหน่งงาน
9. เพื่อใช้ในการให้สิทธิการเข้าถึงพื้นที่และใช้งานสินทรัพย์ของบริษัทฯ

การส่งต่อและเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯจะไม่เปิดเผยและส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานไปยังหน่วยงานภายนอก เว้นแต่ได้รับคำยินยอมชัดแจ้งจากพนักงาน หรือเป็นไปตามกรณีดังต่อไปนี้
1. บริษัทฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ภายใต้วัตถุประสงค์ตามที่ระบุในนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้และตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ให้แก่บุคคลและหน่วยงานดังต่อไปนี้
1.1 ผู้บริหาร กรรมการ พนักงาน ลูกจ้าง และหรือบุคลากรภายในบริษัท เท่าที่เกี่ยวข้องและมีความจำเป็นเพื่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
1.2 ที่ปรึกษาของบริษัท เช่น ผู้ตรวจสอบบัญชี ที่ปรึกษากฎหมาย ทนายความ และผู้เชี่ยวชาญด้านอื่นๆ ทั้งภายในและภายนอกบริษัท เอเอจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด เป็นต้น
1.3 พันธมิตร คู่ค้าทางธุรกิจของบริษัทที่ดำเนินการซื้อ ขาย จ้าง ผลิตสินค้า จัดหาสินค้า นำเสนอสินค้าและบริการให้แก่บริษัท หรือ รับบริการ หรือ ให้บริการแก่บริษัท เช่น บริการวิเคราะห์ข้อมูล บริการการเดินทาง หรือ บริการอื่นใดที่เป็นประโยชน์และเกี่ยวพันธ์แก่ท่าน หรือให้ท่านกระทำการแทน ในการให้คำปรึกษา รับบริการ ให้บริการ ตัวแทนจัดซื้อ จัดจ้าง หรือมีการติดต่อสื่อสารทางธุรกิจใดๆ ของบริษัท เป็นต้น
1.4 หน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่กำกับดูแลตามกฎหมาย หรือ ร้องขอให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย หรือ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทางกฎหมาย หรือที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธรณะสุข กรมสรรพากร กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงอุตสาหกรรมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สำนักงานเขต สำนักงานที่ดิน ศาล องค์การบริหารงานส่วนตำบล สำนักการโยธา สำนักงานที่ดิน กรมการปกครอง เป็นต้น
1.5 หน้าเว็บไซต์ แอปพลิเคชั่น หรือ สื่อสังคมออนไลน์ของบริษัท
1.6 บุคคล หรือ หน่วยงานอื่นใดที่ท่านให้ความยินยอมในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
2 การถ่ายโอนหรือส่งต่อข้อมูลไปยังต่างประเทศ บริษัทฯ อาจจะส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ โดยจะทำให้แน่ใจว่าประเทศปลายทางหรือหน่วยงานปลายทางมีมาตรฐานและ/หรือนโยบายในการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวที่เพียงพอ
3 การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลอื่น บริษัทจะดำเนินการภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนด หรือ วัตถุประสงค์อื่นที่กฎหมายกำหนดให้กระทำเท่านั้น หรือ เมื่อได้รับความยินยอมจากท่านก่อนเท่านั้น

วัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ อาจนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ตามวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้หรือตามวัตถุประสงค์อื่นๆ ที่แจ้งขณะเก็บรวบรวมข้อมูลหรือที่ท่านได้ให้ความยินยอมหลังจากบริษัทฯดำเนินการเก็บข้อมูลไปแล้ว
1. เพื่อการเข้าทำสัญญากับท่าน หรือ นิติบุคคลที่ท่านกระทำการแทน และ/หรือ เพื่อการปฏิบัติตามสิทธิหน้าที่ที่มีต่อสัญญา ที่บริษัทเข้ากระทำ หรือ นิติบุคคลที่ท่านกระทำการแทน
2. เพื่อการตรวจสอบและยืนยันตัวตนของท่านหรือนิติบุคคลที่ท่านกระทำการแทน
3. เพื่อตรวจสอบประวัติก่อนและระหว่างเข้าทำสัญญากับท่าน หรือ นิติบุคคลที่ท่านกระทำการแทน
4. เพื่อจัดซื้อ จัดจ้าง จัดส่งสินค้าและซื้อสินค้าและบริการจากท่าน หรือนิติบุคคลที่ท่านกระทำการแทน รวมถึงการบริหารจัดการคัดเลือกคู่ค้า การยื่นซองเสนองาน การยื่นหลักประกันซองเสนองาน การตรวจสอบข้อมูลและคุณสมบัติ และการดำเนินการตามนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างของบริษัทและกระบวนการอื่นใดที่คล้ายคลึงกัน
5. เพื่อใช้ในการดำเนินการทดสอบประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์
6. เพื่อจัดทำและบริหารจัดการคำสั่งซื้อ ข้อตกลง หรือ สัญญาระหว่างบริษัทกับท่าน หรือนิติบุคคลที่ท่านกระทำการแทน ซึ่งรวมถึงการชำระค่าสินค้า ค่าบริการและค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้กับท่านตามคำสั่งซื้อ ข้อตกลง หรือสัญญาระหว่างบริษัทกับท่าน หรือนิติบุคคลที่ท่านกระทำการแทน
7. ใช้ในการดำเนินกิจการ ประเมินผล และปรับปรุงธุรกิจ เพื่อพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการ
8. ดำเนินกิจกรรมใด ๆ ทางบัญชีและการเงิน เช่น การตรวจสอบบัญชี การแจ้งและเรียกเก็บหนี้ การออกใบกำกับภาษี และหลักฐานการดำเนินธุรกรรมต่าง ๆ ที่กฎหมายกำหนด
9. เพื่อการปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับภายในของบริษัทประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ เช่น การบันทึกเสียง, การบันทึกภาพผ่านกล้อง CCTV
10. ใช้ในการสอบสวนและปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อบังคับ หรือหน้าที่ตามกฎหมายของ บริษัทฯ
11. ตอบสนองต่อคำขอของท่าน เช่น การให้บริการหลังการขาย การรับเรื่องร้องเรียน

การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ ได้จัดทำและ/หรือเลือกใช้ระบบการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลให้มีกลไกและเทคนิคที่เหมาะสม พร้อมทั้งมีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากพนักงาน ลูกจ้าง และตัวแทนของบริษัทฯ เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกนำไปใช้ เปิดเผย ทำลาย หรือเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต

ระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูล

บริษัทฯ จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตลอดระยะเวลาตราบเท่าที่จำเป็น เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้นๆ หรือปัจจัยอื่นๆ เช่น
1. บริษัทฯ จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลไว้ตราบเท่าที่จำเป็นหรือตลอดระยะเวลาสัญญาจ้าง หรือพันธะผูกพันที่เจ้าของข้อมูลมีต่อบริษัทฯ และบริษัทฯสงวนสิทธิเก็บข้อมูลในรูปแบบกระดาษไว้อีกเป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี และในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ เป็นระยะเวลาไม่เกิน 7 ปี หลังจากเจ้าของข้อมูลพ้นสภาพพนักงาน
2. ะยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนด
3. อายุความตามกฎหมายสำหรับการดำเนินคดีฟ้องร้องต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้น หรือ เกิดจาก หรือเกี่ยวข้องกับเอกสารข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมแต่ละรายการ

สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านสามารถขอใช้สิทธิต่างๆ ตามที่กฎหมายกำหนด และตามที่ระบุไว้ในประกาศฉบับนี้ได้ดังต่อไปนี้
1. สิทธิในการขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคล ตามกฎหมายที่ว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
2. สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลดังกล่าวให้เป็นปัจจุบันและถูกต้อง ครบถ้วน เป็นปัจจุบัน ตามกฎหมายที่ว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
3. สิทธิในการขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมถึงมีสิทธิ์ขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลรายอื่นหรือตัวท่านเอง เว้นแต่โดยสภาพไม่สามารถทำได้ ในกรณีที่บริษัทฯได้ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ ตามกฎหมายที่ว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
4. สิทธิในการขอลบหรือทำลายหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ เมื่อข้อมูลนั้นหมดความจำเป็นหรือเมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลถอนความยินยอม ตามกฎหมายที่ว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
5. สิทธิในการขอระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีเมื่อเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องลบหรือเมื่อข้อมูลดังกล่าวหมดความจำเป็น ตามกฎหมายที่ว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
6. สิทธิในการถอนความยินยอม ในการประมวลผลข้อมูลที่ผู้ใช้บริการเคยให้ไว้ ตามกฎหมายที่ว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
7. สิทธิในการขอคัดค้าน เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลเมื่อใดก็ได้ ตามกฎหมายที่ว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
8. สิทธิการยื่นขอร้องเรียน ในกรณีที่มีเหตุให้เชื่อได้ว่าบริษัทฯได้กระทำฝ่าฝืนกฎหมายที่ว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิยื่นข้อร้องเรียนต่อ คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ตามระเบียบและวิธีการตามกฎหมายที่ว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
หากท่านมีข้อสงสัยหรือมีความประสงค์จะแก้ไข ลบข้อมูล ใช้สิทธิ หรือติดต่อเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับข้อมูลของท่าน กรุณาติดต่อผ่านช่องทางการติดต่อด้านล่าง

ช่องทางการติดต่อ

เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัท เอเอจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด
8/9 หมู่ 8 ต.คลองขวาง อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี โทร 025971147
E-mail : DPO@aagc.co.th

การแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัว

บริษัทฯอาจแก้ไขเพิ่มเติมนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้เพื่อให้สอดคลองกับการเปลี่ยนแปลงใดๆที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ กฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกำหนด โดยจะประกาศบนเว็บไซต์ http://www.aagc.co.th พร้อมระบุวันที่แก้ไขเพิ่มเติมครั้งล่าสุด บริษัทฯแนะนำให้ท่านตรวจสอบนโยบายนี้เป็นครั้งคราว

ประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวในการใช้กล้องวงจรปิด

บริษัท เอเอจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งต่อไปในประกาศนี้ เรียกว่า บริษัท (หรือ “เรา”) กำลังดำเนินการใช้กล้องวงจรปิด (CCTV) สำหรับการเฝ้าระวังสังเกตการณ์ในพื้นที่ภายในและรอบบริเวณบริษัทของเรา เพื่อการปกป้องชีวิต สุขภาพ และทรัพย์สิน ทั้งนี้ เราทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าหน้าที่ ผู้ปฏิบัติงาน ลูกค้า ลูกจ้าง พนักงาน ผู้รับเหมา ผู้มาติดต่อ หรือ บุคคลใด ๆ (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกรวมกันว่า “ท่าน”) ที่เข้ามายังพื้นที่ โดยผ่านการใช้งานอุปกรณ์กล้องวงจรปิดดังกล่าว ประกาศความเป็นส่วนตัวในการใช้กล้องวงจรปิด (“ประกาศ”) ฉบับนี้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผย ซึ่งข้อมูลที่สามารถทำให้สามารถระบุตัวท่านได้ (“ข้อมูลส่วนบุคคล”) รวมทั้งสิทธิต่าง ๆ ของท่าน ดังนี้

1. ฐานกฎหมายในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

เราดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้ฐานกฎหมายดังต่อไปนี้
1.1 ความจำเป็นในการป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่านหรือบุคคลอื่น
1.2 ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของเราหรือบุคคลอื่น โดยประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
1.3 ความจำเป็นในการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งควบคุมดูแลเกี่ยวกับความปลอดภัยและสภาพแวดล้อมในสถานที่ทำงาน และทรัพย์สินของเรา

2. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

เราดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้
2.1 เพื่อการปกป้องสุขภาพและความปลอดภัยส่วนตัวของท่าน ซึ่งรวมไปถึงทรัพย์สินของท่าน
2.2 เพื่อการปกป้องอาคาร สิ่งอำนวยความสะดวกและทรัพย์สินของเราจากความเสียหาย การขัดขวาง การทำลายซึ่งทรัพย์สินหรืออาชญากรรมอื่น
2.3 เพื่อสนับสนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการบังคับใช้กฎหมายเพื่อการยับยั้ง ป้องกัน สืบค้น และ ดำเนินคดีทางกฎหมาย
2.4 เพื่อการให้ความช่วยเหลือในกระบวนการระงับข้อพิพาทซึ่งเกิดขึ้นในระหว่างที่มีกระบวนการทางวินัยหรือกระบวนการร้องทุกข์
2.5 เพื่อการให้ความช่วยเหลือในกระบวนการสอบสวน หรือ กระบวนการเกี่ยวกับการส่งเรื่องร้องเรียน
2.6 เพื่อการให้ความช่วยเหลือในกระบวนการริเริ่มหรือป้องกันการฟ้องร้องทางแพ่ง ซึ่งรวมไปถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการดำเนินการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจ้างงาน

3. ข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมและใช้

ตามวัตถุประสงค์ตามที่ได้แจ้งในข้อ 2. บริษัททำการติดตั้งกล้องวงจรปิดในตำแหน่งที่มองเห็นได้ โดยจะจัดวางป้ายเตือนว่ามีการใช้งานกล้องวงจรปิด ณ ทางเข้าและทางออก รวมถึงพื้นที่ที่เห็นสมควรว่าเป็นจุดที่ต้องมีการเฝ้าระวัง เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเมื่อท่านเข้ามายังพื้นที่ ดังต่อไปนี้
รายการข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม
- ภาพนิ่ง
- ภาพเคลื่อนไหว
- เสียง
- ภาพทรัพย์สินของท่าน เช่น พาหนะ กระเป๋า หมวก เครื่องแต่งกาย เป็นต้น
ทั้งนี้จะไม่ทำการติดตั้งกล้องวงจรปิดในพื้นที่ที่อาจล่วงละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของท่านจนเกินสมควร ได้แก่ ห้องพัก ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ หรือสถานที่เพื่อใช้ในการพักผ่อนของผู้ปฏิบัติงาน

4. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลในกล้องวงจรปิดที่เกี่ยวกับท่านไว้เป็นความลับ และจะไม่ทำการเปิดเผย เว้นแต่ กรณีที่มีความจำเป็นเพื่อให้สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ในการเฝ้าระวังสังเกตการณ์ตามที่ได้ระบุในประกาศฉบับนี้ อาจเปิดเผยข้อมูลในกล้องวงจรปิดแก่ประเภทของบุคคลหรือนิติบุคคล ดังต่อไปนี้
4.1 หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อช่วยเหลือ สนับสนุนในการบังคับใช้กฎหมาย หรือเพื่อการดำเนินการสืบสวน สอบสวน หรือการดำเนินคดีความต่าง ๆ
4.2 ผู้ให้บริการซึ่งเป็นบุคคลภายนอก เพื่อความจำเป็นในการสร้างความมั่นใจในเรื่องการป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย สุขภาพ รวมทั้งทรัพย์สินของท่านหรือบุคคลอื่น

5. สิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ของท่าน

พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่ในความควบคุมของท่านได้มากขึ้น โดยท่านสามารถใช้สิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เมื่อบทบัญญัติในส่วนที่เกี่ยวกับสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับ ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
5.1 สิทธิในการเข้าถึง รับสำเนา และขอให้เปิดเผยที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่เราเก็บรวบรวมอยู่ เว้นแต่กรณีที่เรามีสิทธิปฏิเสธคำขอของท่านตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล หรือกรณีที่คำขอของท่านจะมีผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น
5.2 สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน เพื่อให้มีความถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
5.3 สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีหนึ่งกรณีใด ดังต่อไปนี้
5.3.1 เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่เราทำการตรวจสอบตามคำร้องขอของท่านให้แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง สมบูรณ์และเป็นปัจจุบัน
5.3.2 ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
5.3.3 เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์เราได้แจ้งไว้ในการเก็บรวบรวม แต่ท่านประสงค์ให้เราเก็บรักษาข้อมูลนั้นต่อไปเพื่อประกอบการใช้สิทธิตามกฎหมายของท่าน
5.3.4 เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่เรากำลังพิสูจน์ให้ท่านเห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายในการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือตรวจสอบความจำเป็นในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อประโยชน์สาธารณะ อันเนื่องมาจากการที่ท่านได้ใช้สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
5.4 สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เว้นแต่กรณีที่เรามีเหตุในการปฏิเสธคำขอของท่านโดยชอบด้วยกฎหมาย (เช่น เราสามารถแสดงให้เห็นว่าการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายยิ่งกว่า หรือเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะตามภารกิจของเรา)

6. ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของการเฝ้าระวังสังเกตโดยการใช้อุปกรณ์กล้องวงจรปิดตามที่ประกาศนี้กำหนด เราจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลในกล้องวงจรปิดที่เกี่ยวข้องกับท่าน เป็นระยะเวลา 1 เดือน นับจากวันที่เริ่มบันทึก ทั้งนี้ เมื่อพ้นระยะเวลาดังกล่าวเราจะทำการ ลบ ทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไป

7. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคล

เรามีมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างเหมาะสม ทั้งในเชิงเทคนิคและการบริหารจัดการ เพื่อป้องกันมิให้ข้อมูลสูญหาย หรือมีการเข้าถึง ลบ ทำลาย ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายและแนวปฏิบัติด้านความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ (Information Security Policy) ของเรา
นอกจากนี้ เราได้กำหนดให้มีนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลขึ้นโดยประกาศให้ทราบกันโดยทั่วทั้งองค์กร พร้อมแนวทางปฏิบัติเพื่อให้เกิดความมั่นคงปลอดภัยในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยธำรงไว้ซึ่งความเป็นความลับ (Confidentiality) ความถูกต้องครบถ้วน (Integrity) และสภาพพร้อมใช้งาน (Availability) ของข้อมูลส่วนบุคคล โดยเราได้จัดให้มีการทบทวนนโยบายดังกล่าวรวมถึงประกาศนี้ในระยะเวลาตามที่เหมาะสม

8. ความรับผิดชอบของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล

เราได้กำหนดให้เจ้าหน้าที่เฉพาะผู้ที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องในการจัดเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของกิจกรรมการประมวลผลนี้เท่านั้นที่จะสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ โดยเราจะดำเนินการให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามประกาศนี้อย่างเคร่งครัด

9. การเปลี่ยนแปลงแก้ไขคำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว

ในการปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงประกาศนี้ เราอาจพิจารณาแก้ไขเปลี่ยนแปลงตามที่เห็นสมควร และจะทำการแจ้งให้ท่านทราบผ่านช่องทางติดประกาศ โดยมีวันที่ของเวอร์ชันล่าสุดกำกับอยู่ตอนท้าย อย่างไรก็ดี เราขอแนะนำให้ท่านโปรดตรวจสอบเพื่อรับทราบประกาศฉบับใหม่อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะก่อนที่ท่านจะเข้ามาในพื้นที่ของเรา
การเข้ามาในพื้นที่ของท่าน ถือเป็นการรับทราบตามข้อตกลงในประกาศนี้ ทั้งนี้ โปรดระงับการเข้าพื้นที่ หากท่านไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงในประกาศฉบับนี้ หากท่านยังคงเข้ามาในพื้นที่ต่อไปภายหลังจากที่ประกาศนี้มีการแก้ไขและนำขึ้นประกาศในช่องทางข้างต้นแล้ว จะถือว่าท่านได้รับทราบการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวแล้ว

การติดต่อสอบถาม

ท่านสามารถติดต่อสอบถามเกี่ยวกับประกาศฉบับนี้ได้ที่
เจ้าหน้าที่ IT เบอร์ 025971147 - 3 ต่อ 211
Trulli
reynaers
schuco
technal
technal